บางกอกแลนด์ จัดพิธีลงนามเซ็นสัญญากับ นอร์ทเทิร์น บางกอกโมโนเรล ใน
โครงการ “รถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยายเข้าเมืองทองธานี” ด้วยเม็ดเงินลงทุนโครงการ 4,000 ล้านบาท

บริษัท บางกอกแลนด์ จ ากัด (มหาชน) (BLAND) จัดพิธีลงนามเซ็นสัญญากับ บริษัท นอร์ทเทิร์น บางกอกโมโนเรล จ ากัด (NBM) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของกลุ่มกิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ (BSR JV consortium) ที่ร่วมทุนกันระหว่าง บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จ ากัด (มหาชน) (BTSG), บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จ ากัด (มหาชน) (STEC) และบริษัท ราช กรุ๊ป จ ากัด (มหาชน) ใน “โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยายเข้าเมืองทองธานี” ด้วยเม็ดเงินลงทุน จ านวน 4,000 ล้านบาท ส าหรับส่วนต่อขยายจ านวน 2 สถานี ได้แก่ สถานีอิมแพ็ค เมืองทองธานี (ชาเลนเจอร์อาคาร 1) และ สถานีทะเลสาบ เมืองทองธานีโดยการก่อสร้างจะแล้วเสร็จและสามารถเปิดให้บริการได้ในปี 2568
นายปีเตอร์ กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัท บางกอกแลนด์ จ ากัด (มหาชน) กล่าวว่า “จากความร่วมมือในโครงการ รถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยายเข้าเมืองทองธานี ระหว่าง บริษัท บางกอกแลนด์ จ ากัด (มหาชน) และ บริษัท นอร์ทเทิร์น บางกอก โมโนเรล จ ากัด (NBM) ผู้เชี่ยวชาญด้านโดยสารรถไฟฟ้าครั้งนี้ ผมรู้สึกยินดีและภูมิใจมากที่บริษัทจะสามารถมอบประโยชน์ต่อ สาธารณะโดยช่วยให้ประชาชนทั้งผู้ที่อยู่อาศัยและผู้ที่ท างานอยู่ในเมืองทองธานีกว่า 300,000 คน รวมทั้งผู้ที่เดินทางเข้ามาร่วมงาน แสดงสินค้าและการประชุมที่มีกว่า 10 ล้านคนต่อปี จะได้รับความสะดวกสบายด้วยการได้ใช้บริการรถไฟฟ้าในการเดินทางอย่าง ต่อเนื่อง พร้อมยังช่วยบรรเทาปัญหาจราจรได้อีกทางหนึ่ง ส่วนในด้านของโอกาสทางธุรกิจนั้น โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อ ขยายที่เข้ามาในเมืองทองธานีนี้ น่าจะช่วยส่งเสริมธุรกิจต่างๆ ในเมืองทองธานี เช่น ศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค, โรงแรม, คอสโม บาซาร์, คอสโม วอล์ค, เอาท์เล็ท สแควร์, บีไฮฟ ไลฟ์สไตล์มอลล์ และ คอสโม ออฟฟิศ พาร์ค ให้มีการเติบโตมาก ขึ้นอีก 10-20% นอกจากนี้ ยังจะเพิ่มศักยภาพและเพิ่มมูลค่าที่ดินเปล่าในเมืองทองธานีที่มีอยู่อีก 600 ไร่ โดยจะมีมูลค่าเติบโต เพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งเราได้วางแผนไว้ว่าจะพัฒนาให้เป็นโครงการ Mixed Use เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้คนรุ่นใหม่เป็นอย่างดี
ทั้ง 2 สถานีดังกล่าว จะเป็นเส้นทางส่วนต่อขยายเข้ามาในเมืองทองธานีจนถึงทะเลสาบเมืองทองธานีรวมเป็นระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร ทั้งนี้ บริษัทได้ลงทุนการก่อสร้าง Skywalk ด้วยเม็ดเงินจ านวน 1,000 ล้านบาท เพื่อเชื่อมต่อจากโครงการฯ ไปยังศูนย์ แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค, โรงแรม, ร้านค้าปลีก และห้างสรรพสินค้าต่างๆ เพื่อรองรับการเติบโตและมอบความ สะดวกสบายให้แก่ผู้ที่มาใช้บริการอย่างสูงสุด รวมทั้ง ยังเป็นการต่อยอดและเพิ่มศักยภาพของการเป็นท าเลทองส าหรับโครงการ ใหม่ต่างๆ ที่ได้เปิดตัวไปเมื่อเร็วๆ นี้ อาทิ โมริ คอนโดมิเนียม โครงการที่พักอาศัยจ านวน 1,040 ยูนิต และโรงเรียนสอนประกอบ อาหารเลอโนท (Lenôtre Culinary Arts School) ที่เป็นโรงเรียนสอนศิลปะการท าอาหารที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งที่ได้รับการ ยอมรับทั่วโลก” นายปีเตอร์กล่าว
นายกวิน กาญจนพาสน์ กรรมการบริหาร บริษัท นอร์ทเทิร์น บางกอกโมโนเรล จ ากัด กล่าวว่า “การลงนามในครั้งนี้ระหว่าง NBM และ BLAND เป็นการลงนามในสัญญา 2 ฉบับ แบ่งเป็น
1. สัญญาให้การสนับสนุนการก่อสร้าง (Construction Support Agreement) โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ส่วนต่อขยายเข้าเมืองทองธานี
2. สัญญาก่อสร้างทางเชื่อม (Skywalk Connection Agreement) จากโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยายเข้ามายังตัวอาคารของเมืองทองธาน
โดยภายใต้สัญญาดังกล่าว ทาง BLAND ได้อนุมัติเงินสมทบและค่าสิทธิให้กับ NBM ประมาณ 1,293.75 ล้านบาท (รวมภาษี มูลค่าเพิ่ม) เพื่อสนับสนุนการก่อสร้าง และพัฒนาส่วนต่อขยายเมืองทองธานี และเพื่อสิทธิของ BLAND หรือบริษัทในเครือของ BLAND ในการก่อสร้างทางเชื่อมสถานี เพื่อเชื่อมต่ออาคารหรือสิ่งก่อสร้างใดๆ อันเป็นกรรมสิทธิ์ของกลุ่ม BLAND ซึ่งตั้งอยู่ใน บริเวณเมืองทองธานี เข้ากับสถานีรถไฟฟ้าในส่วนต่อขยายเมืองทองธานี นับแต่วันที่ท าสัญญา จนถึงวันที่สิทธิในการด าเนินงาน ระบบรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายเมืองทองธานีตามสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูระหว่าง NBM และ รฟม.สิ้นสุดลง และ ยังได้อนุมัติเงินสมทบเพื่อสนับสนุนการบ ารุงรักษาจ านวน 10.35 ล้านบาทต่อปี (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) นับจากวันที่ส่วนต่อขยาย เมืองทองธานีเปิดให้บริการ” นายกวิน กล่าว
“โดยโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยายเข้าเมืองทองธานี ถือเป็นอีกหนึ่งโครงการในธุรกิจ MOVE ที่บีทีเอส กรุ๊ปฯ ให้ ความส าคัญ เพราะเรามุ่งหวังจะเป็นผู้ให้บริการเดินทางแบบ door-to-door เพื่อตอบโจทย์การเดินทาง ตั้งแต่ก้าวแรกถึงก้าว สุดท้ายให้กับผู้โดยสารอย่างสมบูรณ์ ภายใต้การให้บริการที่สะดวกและปลอดภัย โดยโครงการดังกล่าว จะเป็นส่วนหนึ่งของ โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูเส้นทางหลัก ช่วงแคราย-มีนบุรี ซึ่งสามารถเดินทางเชื่อมต่อไปยังรถไฟฟ้าได้อีก 4 สายได้แก่ รถไฟฟ้า สายสีม่วง (ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ), รถไฟชานเมืองสายสีแดง (ช่วงบางซื่อ-รังสิต), รถไฟฟ้าสายสีเขียว (ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่- คูคต) และรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรี)
ทั้งนี้โครงการดังกล่าวจะใช้ระยะเวลาการก่อสร้างประมาณ 37 เดือน และคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จ เปิดให้บริการได้ในปี 2568 ซึ่งคาดว่าจะมีปริมาณผู้โดยสารอยู่ที่ 13,785 คน/เที่ยว/วัน หากโครงการด าเนินการแล้วเสร็จ จะช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรใน การเดินทางเข้าพื้นที่เมืองทองธานีได้เป็นอย่างดี เพราะพื้นที่ดังกล่าวเป็นชุมชนขนาดใหญ่ และมีผู้เดินทางเข้า-ออกเป็นจ านวนมาก ส่วนภาพรวมโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี จ านวน 30 สถานี (ไม่รวมสถานีอิมแพ็คเมืองทองธานี และสถานี ทะเลสาบเมืองทองธานี) มีความคืบหน้าโครงการ 89.43% แบ่งเป็นงานโยธา 91.01% และงานระบบรถไฟฟ้า 87.90% ซึ่งคาดว่า จะเปิดให้บริการได้บางส่วนช่วงต้นปี 2566” นายกวิน กล่าวสรุป